จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้ชุมชนเกษตรกรรมในจังหวัดน่านเผชิญกับภัยแล้งซ้ำซากและความไม่มั่นคงทางน้ำ เซ็นทรัล รีเทล ได้ขยายผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมไปยังจังหวัดน่าน ประเทศไทย ผ่านโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ชุมชนเกษตรกรรับมือกับภัยคุกคามจากภัยแล้งที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจังหวัดน่านมีความเปราะบางสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเกษตรในท้องถิ่นซึ่งพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อตอบสนองต่อปัญหานี้ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลบัวใหญ่ จึงได้ริเริ่มโครงการสร้างระบบน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมทั้งวางแผนฟื้นฟูระบบนิเวศ
นอกจากนี้ ไทวัสดุ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเซ็นทรัล รีเทล ยังได้ร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในตำบลเชียงของ กรมป่าไม้ เกษตรกร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการติดตั้งระบบส่งน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการนี้ยังเป็นเวทีสำหรับการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการสร้างฝายชะลอน้ำ โดยเฉพาะฝายดินซีเมนต์แกนกลาง ในปี 2567 โครงการได้สนับสนุนปูนซีเมนต์จำนวน 390 ถุง หรือประมาณ 19,500 กิโลกรัม เพื่อสร้างฝายดังกล่าว 4 แห่งในพื้นที่ห้วยน้ำจำ
โครงการริเริ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางน้ำ บรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง และส่งเสริมระบบนิเวศการเกษตรที่ยืดหยุ่น นอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐานแล้ว โครงการยังให้ความรู้ที่จำเป็นแก่คนในท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรน้ำ ทำให้ชุมชนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชนอีกด้วย ด้วยการมีส่วนร่วมนี้ ไทวัสดุได้แสดงให้เห็นถึงปรัชญาหลักของเซ็นทรัล รีเทล นั่นคือการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของบริษัทฯ อยู่ภายใต้ความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจ