พัฒนาการครั้งสำคัญ

ก่อตั้งร้านค้าในตึกแถวขนาดเล็กในกรุงเทพมหานคร

เริ่มประกอบกิจการนำเข้าสินค้า โดยการก่อตั้ง เซ็นทรัล เทรดดิ้ง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจบริหารและการตลาดสินค้าแฟชั่น (Central Marketing Group หรือ CMG)

เปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาแรกในย่านวังบูรพา

เปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาชิดลม ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น ห้างสรรพสินค้าสาขา แฟลกชิปสโตร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทฯ

เปิดให้บริการห้างสรรพสินค้าเซน (ปัจจุบันคือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแอทเซ็นทรัลเวิลด์) ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าไลฟ์สไตล์ และก่อตั้ง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด

เปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าสาขาแรกในพื้นที่นอกเขตกรุงเทพมหานคร และเป็นใบเบิกทางสำหรับการขยายธุรกิจสู่ต่างจังหวัด

เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน

เปิดท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าเฉพาะทางแห่งแรก และปัจจุบันเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

เปิดร้านขายสินค้าเฉพาะทางร้านอื่นๆ ได้แก่ เพาเวอร์บาย และซูเปอร์สปอร์ต ถือเป็นการเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีกหลากหลายประเภทอย่างเต็มรูปแบบ

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลใช้ตราครุฑในกิจการ

• เปิดไทวัสดุ ร้านขายสินค้าเฉพาะทางแบบสแตนด์อโลนขนาดใหญ่แห่งแรก
• เปิดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ แห่งแรกในจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจและเจาะตลาดในต่างจังหวัด

เข้าซื้อกิจการรีนาเชนเต ซึ่งเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าหรูหราในประเทศอิตาลี และเป็นการเข้าสู่ตลาดยุโรปครั้งแรกของบริษัทฯ

เข้าร่วมลงทุนในกิจการ แฟมิลี่มาร์ท ในประเทศไทยในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture)

• เปิดตัวเว็บสโตร์แรกภายใต้ชื่อ www.central.co.th สำหรับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
• เปิดร้านขายสินค้าเฉพาะทางแห่งใหม่ ในชื่อบ้าน แอนด์ บียอนด์

เข้าร่วมลงทุนในกิจการเหงียนคิม และลานชี มาร์ทในประเทศเวียดนาม

เข้าซื้อกิจการบิ๊กซีในประเทศเวียดนาม

เปิดตัวการให้บริการช่วยเหลือในการเลือกซื้อสินค้าแบบดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม Omnichannel เช่น “Rinascente ON DEMAND” และ “Chat & Shop”

บริษัทฯ ได้เริ่มปรับโครงสร้างธุรกิจ เพื่อเป็นการเตรียม ความพร้อมสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นต่อ ประชาชน และการนำหุ้นของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์

เปิดตัวแบรนด์ค้าปลีก GO! สำหรับธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาแรกจากการปรับภาพลักษณ์แบรนด์บิ๊กซีในประเทศ เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายกิจการของบริษัทฯ

บริษัทฯ ได้แปรสภาพเป็นบริษัท (มหาชน) จำกัด และได้ทำการเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) (ROBINS) และเพิกถอนหุ้นของ ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นอกจากนี้ ได้เข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมด ในธุรกิจเหงียนคิม ในประเทศเวียดนาม

สำหรับประเทศอิตาลี ได้มีการเปิดให้บริการ รีนาเชนเต สาขาตูรินหลังการปรับปรุงสาขา โดยมีการขยายพื้นที่และรวบรวมแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 1,000 แบรนด์ รวมถึง เพิ่มโซนเครื่องประดับ และร้านอาหารชั้นนำ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการอย่างครบครัน

เปิดซื้อขายหลักทรัพย์ CRC วันแรกในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นหุ้นไอพีโอที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นหุ้นไอพีโอของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รวมทั้งเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET 50 และ MSCI Global Standard Indexes

อีกทั้งได้เปิดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 1 สาขา และไทวัสดุ 4 สาขาในประเทศไทย สำหรับในเวียดนาม ได้เปิดศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต (GO!) 4 สาขา และมินิ โก (go!) สาขาแรก นอกจากนี้ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Central ในประเทศไทย และเว็บไซต์ www.rinascente.it ในประเทศอิตาลี

บริษัทฯ ได้ทำคำเสนอซื้้อหลักทรัพย์ทั้้งหมดของบริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) แล้วเสร็จ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับส่วนงานฮาร์ดไลน์และได้ลงทุนในบริษัท แกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 40

สำหรับประเทศไทยได้เปิดไทวัสดุ 5 สาขา ได้แก่ สาขาสุขสวัสดิ์ บ่อวิน อยุธยา สงขลา และศรีสมาน รวมทั้งให้บริการในรููปแบบ Personal Shopper ทั้งในส่วน Non-Food และ Food ส่วนประเทศเวียดนามได้เปิด GO! Mall 3 สาขา และเปิดตัวแอปพลิเคชัน GO! สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค

บริษัทฯ ได้เปิดโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 3 สาขา และไทวัสดุ 4 สาขา รวมทั้งเปิด ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต รูปแบบสแตนด์อโลน (Standalone) และท็อปส์ ไฟน์ ฟู้ด (Tops Fine Food) ในประเทศไทย นอกจากนั้น ได้เปิดโก มอลล์ (GO!) 1 สาขา ประเทศเวียดนาม

บริษัทฯ เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าพลังงานสะอาด (EV Truck) และท็อปส์ กรีน (Tops Green) สโตร์สีเขียว และบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ได้จัดตั้้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (Gulf) เพื่อประกอบกิจการการผลิตไฟฟ้า ผ่านแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของไทวัสดุ โดยเป็นการผลิตพลังงานสะอาด เพื่อการดำเนินธุรกิจในเครือเซ็นทรัลอย่างยั่งยืน

บมจ. เมพ คอร์ปอเรชั่น (MEB) ซึ่งเป็นบจในเครือของ ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ และ บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ครั้งแรก มูลค่า 7,000 ล้านบาท ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด

บริษัทฯ ได้เปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในประเทศไทย เปิดไทวัสดุ 14 สาขา ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่อยู่ในศุนย์การค้าและรูปแบบสแตนด์อโลน (Standalone) และ แบรนด์ (Brandshop) รวมทั้ง เปิดตัวธุรกิจใหม่ โก โฮลเซลล์ ศูนย์ค้าปลีกและค้าส่งครบวงจร จำนวน 4 สาขา ส่วนประเทศเวียดนาม เปิดมินิโก (go!) 4 สาขา และ บริษัทยังคงมีการปรับปรุงสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย เวียดนามและอิตาลี