การบริหารจัดการทรัพยากร

ลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าต่อรายได้ ร้อยละ 30 ภายในปี 2573
ลดขยะที่ถูกนำไปฝังกลบ ร้อยละ 30 ภายในปี 2573

ความท้าทาย และโอกาส

การขาดแคลนและการเสื่อมโทรมของทรัพยากรส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสีย เนื่องจากอาจทำให้เกิดความไม่ต่อเนื่องในกระบวนการจัดหาวัตถุดิบและคุณภาพของวัตถุดิบที่ลดลง ซึ่งสามารถนำไปสู่การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ส่งผลต่อกระบวนการผลิตของคู่ค้า การดำเนินงานของพนักงาน ความล่าช้าในการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า รวมถึงคุณภาพของสินค้าที่อาจลดลง นอกจากนี้ การบริหารจัดการทรัพยากรที่ไม่เหมาะสมยังอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ เช่น การปล่อยมลพิษและของเสียที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชน การดำเนินงานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดและมาตรฐานสิ่งแวดล้อมจะช่วยลดความเสี่ยงจากข้อร้องเรียนของชุมชนและการถูกดำเนินการทางกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย

การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผ่านการลดต้นทุนการดำเนินงานและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการใช้พลังงานและน้ำ การใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิล และการนำของเสียกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นความยั่งยืน และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมในกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรมสีเขียว ซึ่งช่วยให้ เซ็นทรัล รีเทล สามารถเข้าถึงแหล่งทุนและเปิดโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจและการเติบโตอย่างยั่งยืน

เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรและได้ตั้งเป้าหมายเชิงกลยุทธ์เพื่อสอดรับกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายลดการใช้ปริมาณไฟฟ้าต่อหน่วยรายได้ ร้อยละ 30 การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 100 และการลดขยะที่ถูกนำไปฝังกลบ ร้อยละ 30 ของปริมาณขยะทั้งหมด ภายในปี 2573 การดำเนินงานดังกล่าวแสดงถึงความมุ่งมั่นของ เซ็นทรัล รีเทล ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคมอย่างยั่งยืน

แนวทางการบริหารจัดการ

เซ็นทรัล รีเทล กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ได้แก่ นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม แนวปฏิบัติด้านการลดพลาสติกและบรรจุภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร นโยบายเหล่านี้เป็นแนวทางให้พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียในทุกหน่วยธุรกิจ เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกัน นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้มีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานในระดับสากล โดย ออฟฟิศเมท โลจิสติกส์ ในเครือของเซ็นทรัล รีเทล ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001:2015 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

เซ็นทรัล รีเทล ยังได้กำหนดกลยุทธ์ ReNEW ซึ่งเป็นแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมการบริหารจัดการพลังงาน น้ำ บรรจุภัณฑ์ และของเสีย รวมถึงการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านโปรแกรมฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพยากร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดหาอย่างรับผิดชอบ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า เพื่อผลักดันให้เกิดการดำเนินงานร่วมกันและสร้างผลกระทบที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
แนวปฏิบัติด้านการลดพลาสติกและบรรจุภัณฑ์
แนวปฏิบัติด้านการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร
โปรแกรมอบรมด้านสิ่งแวดล้อม

การจัดการพลังงาน

เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการประสิทธิภาพพลังงานในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดแผนการดำเนินงานการจัดการพลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เซ็นทรัล รีเทล ได้ดำเนินมาตรการด้านการจัดการพลังงานอย่างครอบคลุม โดยมีการตรวจสอบการใช้พลังงานในร้านค้าและคลังสินค้าเพื่อประเมินรูปแบบการใช้พลังงาน และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ควบคู่ไปกับการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การอัปเกรดระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศให้เป็นระบบประหยัดพลังงาน ติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ และพัฒนาแนวทางลดการใช้พลังงานในกระบวนการดำเนินงาน รวมถึงการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พลังงานผ่านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงาน เซ็นทรัล รีเทล มีการติดตามและประเมินผลโครงการประหยัดพลังงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการที่ดำเนินการสามารถสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้ พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากล โดย คลังสินค้า เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป สาขาซัพพลายเชนดีซี 1 ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001:2018 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ส่งเสริมให้องค์กรปรับปรุงสมรรถนะพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากมาตรการลดการใช้พลังงานแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ยังมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ มาใช้ผ่านการติดตั้งโซล่าร์เซลล์ในสถานประกอบการ และขยายการใช้พลังงานสะอาดให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในระยะยาว เช่น การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการทำงาน และศึกษาวัสดุก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงาน เพื่อให้สามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักให้แก่พนักงาน ผ่านการจัดอบรมด้านประสิทธิภาพพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายให้พนักงานสามารถนำแนวปฏิบัติที่ดีไปใช้ในกิจกรรมประจำวัน อันเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์พลังงานและความยั่งยืนในระยะยาว เซ็นทรัล รีเทล ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรการใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพพลังงานให้ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล

การจัดการน้ำ

การจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เซ็นทรัล รีเทล มุ่งเน้นการลดปริมาณการใช้น้ำ ปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้ง และส่งเสริมการใช้น้ำหมุนเวียนเพื่อรักษาสมดุลของทรัพยากรน้ำในระยะยาว เซ็นทรัล รีเทล ได้ดำเนินมาตรการด้านการจัดการน้ำที่ครอบคลุมตั้งแต่ การประเมินการใช้น้ำและระบุพื้นที่ขาดแคลนน้ำ เพื่อตรวจสอบรูปแบบการใช้น้ำและปรับปรุงแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพ ตลอดจนกำหนดมาตรการที่เหมาะสมกับพื้นที่ที่มีความต้องการใช้น้ำสูง นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินมาตรการลดการใช้น้ำ ผ่านการติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ เช่น ก๊อกน้ำอัตโนมัติและระบบสุขาภิบาลที่ใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการทำความสะอาดและบำรุงรักษาให้ใช้น้ำน้อยลง อีกทั้งยังมีการรณรงค์ให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้น้ำในชีวิตประจำวันและการทำงาน

นอกจากการลดปริมาณการใช้น้ำแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้ง โดยติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้น้ำทิ้งที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม และลดการใช้สารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งน้ำ นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้มีการใช้น้ำหมุนเวียนและการรีไซเคิลน้ำ โดยนำน้ำที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการปฏิบัติงาน เช่น ระบบหล่อเย็น และการรดน้ำต้นไม้ เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติ อีกทั้งยังส่งเสริมให้พนักงานมีความเข้าใจในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการจัดอบรมและสร้างความตระหนักเพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด

การจัดการบรรจุภัณฑ์

เซ็นทรัล รีเทล ตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณขยะจากบรรจุภัณฑ์ เพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และรีไซเคิลได้ รวมถึงส่งเสริมทางเลือกที่เป็นนวัตกรรมเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้ดำเนินมาตรการด้านการจัดการบรรจุภัณฑ์ ดังนี้

  1. การยกเลิกการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

    โครงการ "Say No to Plastic Bags" เพื่อยุติการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยส่งเสริมให้ใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกำหนดนโยบายเพื่อลดและยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกและบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

  2. การเพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้

    โครงการ "Bring Your Own Bag" ส่งเสริมให้ลูกค้าและพนักงานใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น ถุงผ้า และบรรจุภัณฑ์แบบนำกลับมาใช้ซ้ำ เพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์และลดการพึ่งพาวัสดุแบบใช้แล้วทิ้ง

  3. การเพิ่มการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและสามารถรีไซเคิลได้

    โครงการ "Bag for Life" สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้งและสามารถรีไซเคิลได้ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากขยะบรรจุภัณฑ์

  4. การรวบรวมบรรจุภัณฑ์เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและอัพไซเคิล

    ร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อพัฒนาโครงการรีไซเคิลและผลิตภัณฑ์ upcycled ที่สามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาผลิตเป็นสินค้าหรือวัสดุใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการรีไซเคิลและสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน

  5. การวิจัยและพัฒนาโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

    จัดสรรทรัพยากรเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย ปรับปรุงคุณสมบัติของวัสดุรีไซเคิล และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ใช้วัสดุน้อยลง แต่ยังคงความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการใช้งาน

Central Love the Earth: Beat Plastic Pollution
แปรรูปพลาสติกเหลือใช้ ลดการสร้างขยะให้เป็นศูนย์ เพิ่มคุณค่าผ่านงานดีไซน์ ต่อลมหายใจให้สิ่งแวดล้อม
การวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน

การจัดการขยะและขยะอาหาร

เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินการจัดการขยะและขยะอาหารอย่างเป็นระบบ เพื่อลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ปรับปรุงกระบวนการจัดการขยะ และเพิ่มการนำขยะกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยได้มีการสำรวจและตรวจสอบขยะในแต่ละพื้นที่ครอบคลุมทุกหน่วยธุรกิจ เพื่อระบุแหล่งที่มาของขยะและวิเคราะห์เพื่อหาแนวทางในการลดการเกิดขยะ รวมทั้งได้จัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อลดการเกิดขยะผ่านการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่า และลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักต่อการจัดการขยะของพนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย โดยจัดอบรมเพื่อส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลดขยะในทุกขั้นตอนของการทำงาน และมีการจัดตั้งจุดคัดแยกขยะในสำนักงาน ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า เพื่อส่งเสริมให้พนักงานและลูกค้ามีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง

เซ็นทรัล รีเทล ได้ลงทุนในนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการลดและบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดทำแอพพลิเคชั่นสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลขยะ เพื่อระบุแหล่งที่มาของขยะ ปริมาณขยะที่เกิดขึ้น และรูปแบบการจัดการขยะ แอปพลิเคชันนี้ช่วยให้สามารถรวบรวมข้อมูลและจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้รวบรวมขยะเพื่อนำกลับไปรีไซเคิล และอัพไซเคิลเพื่อเพิ่มสัดส่วนของการนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำและสร้างมูลค่าให้กับวัสดุที่เหลือใช้ รวมทั้งลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดโดยการฝังกลบ เซ็นทรัล รีเทล ได้นำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการจัดการขยะ เช่น พาเลทไม้ที่ใช้ในศูนย์กระจายสินค้าจะถูกส่งคืนให้แก่ผู้จำหน่ายเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ กล่องกระดาษจะถูกนำมาใช้ซ้ำจนกว่าจะเสื่อมสภาพและถูกส่งไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ซ้ำ ฟิล์มพลาสติกจะถูกส่งไปรีไซเคิล นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังลงทุนร่วมกับหน่วยงานภายนอกในการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทางเลือกจากวัสดุย่อยสลายได้ เพื่อนำมาใช้ในการบรรจุผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งยังสามารถคงคุณสมบัติในการเก็บรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้

นอกจากการจัดการขยะจากการดำเนินงานภายใน เซ็นทรัล รีเทล แล้ว สินค้าที่เหลือจากการจำหน่าย โดยเฉพาะขยะอาหาร ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับขยะทั้งหมด เซ็นทรัล รีเทล จึงได้นำหลักการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบมาประยุกต์ใช้ในการจัดการการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร โดยเริ่มจากการรวบรวมและติดตามข้อมูลขยะอาหารแบ่งตามหมวดหมู่ เช่น เบเกอรี่ อาหารสำเร็จรูป เนื้อสด อาหารบรรจุห่อสด อาหารทะเลสด ผักและผลไม้ และของขบเคี้ยว ทำให้สามารถพัฒนาแนวทางลดขยะได้อย่างจำเพาะและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดขยะอาหารผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อระบุผลิตภัณฑ์ที่ใกล้จะหมดอายุ ติดป้ายลดราคา และกำหนดวิธีการจัดการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมนี้ช่วยให้ เซ็นทรัล รีเทล สามารถคำนวณการเกิดขยะอาหารได้อย่างแม่นยำ ช่วยปรับปรุงการวางแผนการจัดหาสินค้าและการบริหารสินค้าคงคลัง และลดการสร้างขยะตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการเกิดขยะอาหาร เซ็นทรัล รีเทล ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Yindii เพื่อขายอาหารส่วนเกินในราคาพิเศษและสร้าง "Surprise Bags" ที่บรรจุอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้โดยขายในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ใน Tops Supermarket และ Tops Daily ด้วย เซ็นทรัล รีเทล ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น SOS Thailand, VV Share Foundation, The Mirror Foundation และ CAS เพื่อส่งมอบอาหารส่วนเกินที่ยังสามารถบริโภคได้และอยู่ในสภาพที่ดีให้แก่กลุ่มเปราะบาง รวมทั้งร่วมมือกับ JAIKLA ในการนำอาหารส่วนเกินมารีไซเคิลเป็นอาหารสัตว์จากแมลง

โครงการสำคัญ

โครงการลดการใช้พลังงาน ส่งเสริม และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

บริษัทฯ นำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติที่ล้ำสมัยมาใช้ในอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดการใช้พลังงานโดยไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ โดยมีการติดตั้งไฟ LED ครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 90 ของธุรกิจทั้งหมด เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานในภาพรวม และมีการใช้ตู้เย็นประหยัดพลังงานและใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 2,163 เครื่อง รวม 246 สาขา ครอบคลุมหน่วยธุรกิจ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล และโก โฮเซลล์ ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานได้กว่า 17,485 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (62,946.07 จิกะจูล) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 8741 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและการนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่

ห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ได้มีการประเมินรูปแบบการใช้น้ำ เพื่อดำเนินมาตรการลดการใช้น้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยการปรับอัตราการไหลของน้ำของเครื่องสุขภัณฑ์ให้เหมาะสม การติดตั้งถังเก็บน้ำฝนเพื่อสำรองน้ำ การนำน้ำจาก Cooling Tower และระบบเครื่องปรับอากาศกลับมาใช้ และการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาใช้ในระบบรดน้ำต้นไม้ รวมถึงการนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียมาใช้ในระบบชักโครก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำให้สูงสุด พร้อมตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียอย่างสม่ำเสมอให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยปี 2567 สามารถลดการใช้น้ำลงได้ 3,200 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรน้ำได้กว่า 5.6 ล้านบาทต่อปี

โครงการการจัดการบรรจุภัณฑ์

เซ็นทรัล รีเทล ได้พัฒนาและนำวัสดุทดแทนในรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการบรรจุภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยศูนย์กระจายสินค้า ไทวัสดุ ของกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ ร่วมมือกับ บริษัท ไอสเทรด พัฒนาตาข่ายใช้ซ้ำสำหรับคลุมสินค้า และ Extra Roll Cage เพื่อลดการใช้ฟิล์มยืดพันพาเลทที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง และลดการใช้พาเลท โดยสามารถลดปริมาณการใช้ฟิล์มยืดได้ถึง 10.54 ตัน รวมทั้งลดพื้นที่ในการขนส่งได้จากเดิม 2 เท่า ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้ถึง 20.4 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ศูนย์กระจายสินค้า เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น ได้นำกระดาษฉลุมาใช้ในการห่อหุ้มสินค้าแทนพลาสติกกันกระแทก สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกห่อหุ้มได้ 600 กิโลกรัม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดปริมาณพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดการใช้พลาสติก และการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน

โครงการการจัดการขยะและเศรษฐกิจหมุนเวียน

เซ็นทรัล รีเทล ส่งเสริมการสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะของพนักงานและลูกค้า โดยได้มีการติดตั้งตู้รับขวดพลาสติกในศูนย์การค้า และท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ประเทศไทย และติดตั้งตู้รับขยะพลาสติกใน โก! ซูเปอร์มาร์เก็ต ประเทศเวียดนาม ซึ่งลูกค้าและพนักงานสามารถนำขวดพลาสติกมาสะสมเป็นแต้มแลกของรางวัล บริจาคแต้มเพื่อทำบุญหรือเข้าหน่วยงานการกุศลเพื่อสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยสามารถรวบรวมขยะพลาสติกประเภทต่าง ๆ กว่า 9.85 ตัน เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีการนำขยะพลาสติกไปรีไซเคิล และอัพไซเคิลเป็นจีวรสำหรับพระภิกษุ 10,859 ผืน นอกจากนี้ยังได้มีการรวบรวมฝาขวดน้ำพลาสติกเพื่อนำไปอัพไซเคิลเป็นอุปกรณ์ทางการศึกษา ได้แก่ ชั้นวางหนังสือ และโต๊ะเรียน ส่งมอบให้กับโรงเรียนต่าง ๆ

ซูเปอร์สปอร์ต ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้จัดทำโครงการ "รื้อ แลก ลด (Get Donate, Make Your Move)" โดยมุ่งส่งเสริมให้เยาวชนมีโอกาสในการพัฒนาตนเองและเข้าถึงกีฬาอย่างเท่าเทียมผ่านการรวบรวมรองเท้ากีฬาสภาพดีจากลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อนำไปมอบให้แก่กรมกิจการเด็กและเยาวชนในสถานสงเคราะห์ทั่วประเทศ โดยในปี 2567 โครงการนี้สามารถรวบรวมรองเท้าได้จำนวน 3,225 คู่ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะได้ 3.72 ตัน นอกจากนี้ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ฮัช ปัปปีส์ (Hush Puppies) แบรนด์รองเท้าชั้นนำจากอเมริกา จัดโครงการ “ฮัช ปัปปีส์ ร่วมกับร้านปันกัน มอบโอกาสใหม่ผ่านกล่องน้ำใจ Donate in the Kindness Box” รับบริจาครองเท้าสภาพดีเพื่อมอบให้มูลนิธิยุวพัฒน์ ซึ่งสามารถรวบรวมรองเท้าได้ 191 คู่ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะ 171 กิโลกรัม

เพาเวอร์บาย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล มีการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร โดยเชิญชวนให้ลูกค้าสามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่ามาแลกเป็นส่วนลด เพื่อเป็นการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่กระบวนการจัดการที่ถูกต้อง โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังมีสภาพสมบูรณ์ ได้ส่งมอบให้แก่โรงเรียนช่าง ได้แก่ โรงเรียนพระดาบส วิทยาลัยเทคนิคบางแสน และวิทยาลัยเทคนิคอุทัยธานี เพื่อนำไปเป็นอุปกรณ์ในการเรียนรู้พัฒนาทักษะอาชีพ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ จะนำไปส่งต่อให้กับโรงเรียนและชุมชนในพื้นที่ห่างไกลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สภาพไม่สมบูรณ์จะถูกนำไปแยกชิ้นส่วนและรีไซเคิลอย่างถูกวิธีตามมาตรฐานสากล โดยในปี 2567 สามารถรวบรวมและจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกต้องได้กว่า 600 ชิ้น ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะ 24.4 ตัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 8,741 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

โครงการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร

ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จัดแคมเปญรณรงค์ “Food Hero, Taste not Waste” เชิญชวนผู้บริโภคเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการซื้อสินค้าที่ใกล้หมดอายุ แต่ยังคงคุณภาพดี ด้วยการลดราคา 30-50 เปอร์เซนต์ ในกลุ่มสินค้าอาหารและวัตถุดิบ เช่น เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์จากนม ผักและผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูป ขนม เป็นต้น ซึ่งจะวางจำหน่ายอยู่ในโซนสินค้าลดราคาโดยเฉพาะ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ ยังได้มีการนำร่องโครงการ “Smart Way” โดยใช้ระบบ AI-powered Smart way ที่ช่วยตรวจสอบสินค้าที่ใกล้หมดอายุ เพื่อการบริหารจัดการและวางแผนการสั่งสินค้าได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยโครงการเหล่านี้ช่วยลดขยะอาหารตั้งแต่ต้นทางได้กว่า 1,465,499 ชิ้น และช่วยให้เกิดการบริหารจัดการต้นทุนจากอาหารส่วนเกินได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งมอบอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพให้แก่ชุมชนที่ขาดแคลนและกลุ่มเปราะบาง ผ่านความร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ได้แก่ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) สหพันธ์อธิการเจ้าคณะนักบวชในประเทศไทยภายใต้โครงการ Care and Share Food for All มูลนิธิผู้ร่วมเอื้อเฟื้อออาหารให้กับผู้ขาดแคลน (VV Share Foundation) มูลนิธิกระจกเงา และสถานพักพิงบ้านทัศนีย์ (Safe Haven Orphanage) โดยในปี 2567 มีการดำเนินโครงการนี้ครอบคลุม 9 จังหวัด 61 สาขา ซึ่งส่งต่ออาหารแล้วกว่า 1.57 ล้านกิโลกรัม หรือ 6.6 ล้านมื้อ ให้แก่ 3,000 ชุมชน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3,983 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับสตาร์ตอัป “ใจกล้า” ในการลดขยะอาหารและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยนำอาหารส่วนเกินมาแปรรูปเป็นขนมสำหรับสัตว์เลี้ยง และวางจำหน่ายในท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต และออนไลน์ มียอดขายรวม 303 ถุง ช่วยลดขยะอาหารได้ถึง 2,791 กิโลกรัม

โครงการอบรมการคัดแยกขยะ

เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินการจัดอบรมและสร้างการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะให้แก้พนักงานและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยมีเนื้อหาการอบรมครอบคลุม สถานการณ์และปัญหาของขยะ วิธีการลดขยะ การคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี การจัดการขยะที่ปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ การเก็บบันทึกข้อมูลขยะผ่านแอปพลิเคชั่นของเซ็นทรัล รีเทล พร้อมทั้งได้พัฒนาคู่มือการจัดการขยะ เพื่อให้พนักงานสามารถนำไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงานและประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยในปี 2567 ได้มีการอบรมให้แก่พนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย เช่น คณะกรรมการด้านสิ่งแวดล้อม ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบริหารจัดการหน้าร้าน พนักงานหน้าร้าน แม่บ้าน ผู้เช่า ครอบคลุมทุกหน่วยธุรกิจของบริษัทฯ

ผลการดำเนินงาน ปี 2567

ปริมาณการใช้พลังงาน

ปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมด (เมกะวัตต์-ชั่วโมง)
ปริมาณการใช้พลังงานทั้งหมด (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานของประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี

ปริมาณการใช้น้ำ

ปริมาณน้ำที่ถูกดึงขึ้นมาใช้จากทุกพื้นที่ (เมกะลิตร)
พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานของประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี

ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์

ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก (ตัน)
ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานเฉพาะประเทศไทย

ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์

ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษ (ตัน)
ปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์กระดาษ (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานเฉพาะประเทศไทย

ปริมาณขยะและของเสีย

ปริมาณขยะและของเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมด (ตัน)
ปริมาณขยะและของเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมด (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานของประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี

ปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร

ปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารทั้งหมด (ตัน)
ปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารทั้งหมด (ร้อยละ)
หมายเหตุ:
ข้อมูลครอบคลุมขอบเขตการดำเนินงานเฉพาะประเทศไทย