ข่าวสารองค์กร

ผ่าปรัชญาการดำเนินธุรกิจ "CRC Care" ที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล เติบโตยั่งยืนเคียงข้างคนไทยมากว่า 80 ปี

กรุงเทพฯ 16 มกราคม 2567 – นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นในการสร้างอีโคซิสเต็มที่ครบวงจร เพื่อเป็น Platform of Trust ที่ตอบโจทย์ชีวิตผู้คนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เรามี Brand Purpose ที่ชัดเจนในการเป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคน ในทุกประเทศที่เราดำเนินธุรกิจ และได้สร้างความสำเร็จให้เห็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” ที่เปรียบเสมือน Commitment ของเราที่จะดูแลและยกระดับทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนทั้งระบบ โดยได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องภายใต้ 7 มิติหลัก ดังนี้

  1. Care for the Economy เซ็นทรัล รีเทล ลงทุนขยายธุรกิจและพัฒนาโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเจริญทั่วไทย และกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเมืองรองและยกระดับให้แข็งแกร่งเทียบเท่าเมืองหลัก โดยดึงศักยภาพของเมืองรองให้โดดเด่น และพัฒนาเมืองให้มีความเจริญยิ่งขึ้น เพื่อ กระตุ้นให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน การพัฒนาทักษะแรงงาน พร้อมทั้งเพิ่มการจับจ่าย และการท่องเที่ยว ทั้งจากคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำอย่างเป็นรูปธรรม และทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโต ส่งผลต่อเนื่องไปสู่ระดับจังหวัด ภูมิภาค และระดับประเทศต่อไป
  2. Care for the Customer เซ็นทรัล รีเทล ยึดลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยเดินหน้าพัฒนา Next-Gen Omnichannel platform ที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างไร้รอยต่อ พร้อมส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดและความคุ้มค่าสูงสุดให้กับลูกค้า ผ่านกิจกรรมการตลาดและแคมเปญโปรโมชันต่างๆ ตลอดจนมอบสิทธิพิเศษที่ตรงใจลูกค้ากว่า 20 ล้านคน ผ่าน The 1 Loyalty Platform
  3. Care for the Partner สร้างช่องทางการขายที่หลากหลายให้กับคู่ค้า เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยสนับสนุนแบรนด์ไทยให้นำสินค้ามาจำหน่ายที่ร้านค้าในเครือของเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศเวียดนาม และอิตาลี อีกด้วย ทั้งยังร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันแบบ Inclusive Growth ล่าสุดเซ็นทรัล รีเทล ยังได้ทำ Spin-off MEB เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้สำเร็จ ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจ MEB ที่ถือเป็นอีกหนึ่ง Soft power ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
  4. Care for the People มุ่งสร้างที่ทำงานให้เป็น “A Great Place to Work” เพื่อให้พนักงานกว่า 80,000 คน สามารถทำงานอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจ ไปพร้อมการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพพนักงานให้มีความโดดเด่นในแบบเฉพาะตัว สู่การเป็น “Winning Team” ที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน ในขณะเดียวกันเรายังสร้างสังคมแห่งความหลากหลาย เท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำในที่ทำงาน ด้วยการสนับสนุนการจ้างงานบุคลากรผู้พิการกว่า 500 คน รวมทั้งบุคลากรสูงอายุให้มีอาชีพและรายได้ เพื่อดูแลตนเองและครอบครัว
  5. Care for the Community มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเดินหน้าสร้างอาชีพ และรายได้ที่ยั่งยืนให้ชุมชน ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ จริงใจ ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต แหล่งรวมผักผลไม้ปลอดภัยจากเกษตรกรท้องถิ่น พร้อมส่งตรงถึงมือผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 32 สาขาทั่วไทย รวมถึงยังช่วยสนับสนุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน สร้างรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี พร้อมตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5,400 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2573 นอกจากนี้ยังได้สร้างงานให้ชุมชน และร่วมต่อยอดภูมิปัญญาไทย ผ่านโครงการศูนย์การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ผ้าทอนาหมื่นศรี จังหวัดตรัง ทำให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เซ็นทรัล รีเทล ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความเท่าเทียมในสังคม ผ่านแคมเปญ “Gift to Gifted เด็กเก่ง แจ้งเกิด” เพื่อสนับสนุนเยาวชนไทยที่มีความสามารถ สะท้อนความมุ่งมั่นของเซ็นทรัล รีเทล ที่เชื่อว่า การสร้างคน คือพื้นฐานของการสร้างความยั่งยืน
  6. Care for the Sustainability ตอกย้ำเจตนารมณ์ของเซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งสู่การเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนแห่งเอเชีย ด้วยกลยุทธ์ "ReNEW” ที่มุ่งสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในกลุ่มธุรกิจ ติดตั้งสถานีประจุไฟฟ้าในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ส่งเสริมการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า การติดตั้งตู้เย็นประหยัดพลังงาน ตลอดจนการลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว โดยตั้งเป้าการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาด 50% ในปี 2573 และตั้งเป้า Net Zero หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 อีกทั้งยังส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการขยายร้านค้าสีเขียวจำหน่ายสินค้ารักษ์โลก จำนวนกว่า 60 แห่ง เช่น ร้าน Healthiful และTops Green โดยตั้งเป้าเปิดเพิ่มเป็น 200 แห่ง พร้อมทั้งบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการแปลงขยะเป็นปุ๋ยหรือแก๊สหุงต้มเพื่อลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ ผ่านโครงการสมุยโมเดล ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านสิ่งแวดล้อม จาก The Global CSR & ESG Awards 2023 รวมถึงยังมีการประยุกต์เศรษฐกิจหมุนเวียนผ่านหลัก 3Rs และการรณรงค์คัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ทำให้สามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้แล้วกว่า 15% ซึ่งจากความสำเร็จในโครงการด้านความยั่งยืนเหล่านี้ ทำให้เซ็นทรัล รีเทล ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ประจำปี 2566 ในระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดของไทย จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรางวัล Commended Sustainability Awards จากเวที SET Awards 2023 พร้อมได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน ดาวโจนส์ DJSI ประจำปี 2566 ในกลุ่ม World และ Emerging Markets อีกด้วย
  7. Care for the Governance เซ็นทรัล รีเทล บริหารงานและดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ตามหลัก GRC (Governance, Risk, Compliance) บนจรรยาบรรณ 5 เรื่องคือ ความซื่อสัตย์ ความสุจริต มีจริยธรรม โปร่งใส และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเข้าร่วมกับ CAC ที่เน้นเรื่องการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชั่น ตอกย้ำถึงเจตนารมณ์ขององค์กรที่มุ่งมั่นทำงานอย่างมีจริยธรรม และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมทั้งปลูกฝัง DNA ให้พนักงานทุกระดับทำสิ่งที่ถูกต้องและมีคุณธรรม เพื่อขยายผลไปสู่สังคมต่อไป

“ทุกสิ่งที่เราได้ทำมาภายใต้ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ CRC Care ทั้ง 7 มิตินี้ คือ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล เป็น Central to Life ศูนย์กลางชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง โดยเราจะยังคงเดินหน้าทำทุกสิ่ง และใช้อีโคซิสเต็มของเราอย่างเต็มที่ เพื่อยกระดับและสร้างประโยชน์ให้กับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน เคียงข้างไปกับเซ็นทรัล รีเทล ตลอดไป” นายญนน์ กล่าวสรุป