วิกฤตสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะวิกฤตจากขยะพลาสติก ที่กลายเป็นปัญหาระดับโลก และก่อให้เกิดปัญหามลภาวะต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย

มีการวิจัยว่าปัจจุบันทั่วโลกมีขยะพลาสติกกว่า 12 ล้านตันที่รั่วไหลลงสู่แม่น้ำและมหาสมุทร (ข้อมูลจาก www.greenpeace.org)

บริษัท เซ็นทรัล รีเทลฯ

ในฐานะกลุ่มบริษัทระดับโลก ที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลก

เรามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ตลอดห่วงโซ่คุณค่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ได้ครอบคลุมถึงประเด็น สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง การอนุรักษ์พลังงาน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ปัญหาขยะและมลพิษ ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร

ในปี 2551 ห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้มีการรณรงค์การลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง โดยเมื่อลูกค้าปฏิเสธไม่รับถุง ลูกค้าจะได้รับแต้มสะสม The1 และรับส่วนลดในการซื้อสินค้า 5-10% หากลูกค้านำถุงผ้ามา ช้อป ภายใต้แคมเปญ Bag Day Sale ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งเสริมการลดใช้ถุงพลาสติกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

ในปี 2561 บริษัท ได้ริเริ่มโครงการ “ปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติก” Say No to Plastic Bag โดยทุกกลุ่มธุรกิจในเครือของบริษัทฯ ได้เข้าร่วมในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งเป็นการช่วยลดการเกิดขยะจากการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในปี 2563 ได้ถึง 236 ล้านใบ

นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายถุงผ้าให้ลูกค้าที่ไม่ได้นำติดมาในห้างสรรพสินค้า เช่น ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และ โรบินสัน ทุกสาขาทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมการใช้ซ้ำจำนวน 12 ล้านใบ และยังรณรงค์ให้ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทุกแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจภายธุรกิจในเครือ เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถลดการสร้างพลาสติกได้ถึง 17 ล้านชิ้น

ลดการใช้ถุงพลาสติก แบบครั้งเดียวทิ้ง
236
ล้านใบ
จำหน่ายถุงผ้า เพื่อการใช้ซ้ำ
12
ล้านใบ
ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
17
ล้านชิ้น

ซึ่งในวันที่ 1 มกราคม 2563 ภาครัฐนำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจับมือกับภาคเอกชนทั้งห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อให้งดแจกถุงพลาสติกเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

บริษัท เชื่อว่าการบูรณาการนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมรูปแบบการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน และระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน จะนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่การผลิต การบริโภค ไปจนถึงการจัดการของเสียด้วยกระบวนการ

หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่

เช่นการนำขวดพลาสติก PET แปรรูปเป็นเส้นใยพลาสติกเพื่อนำมาผลิตเป็นผ้ากันเปื้อนและถุงผ้า

การผลิตใหม่

เช่นนำเส้นใยพลาสติกมาผลิตเป็นผ้ากันเปื้อนและกระเป๋า ซึ่งผ้ากันเปื้อน 1 ผืน ผลิตจากขวดพลาสติกจำนวน 10 ใบ โดยในปี 2563 ผลิตผ้ากันเปื้อน สำหรับ จริงใจ Farmer’s Market แปรรูปขวดพลาสติกไปแล้วทั้งสิ้น 2,000 ใบ และปี 2564 สามารถแปรรูปขวดพลาสติกได้ 11,000 ใบ และ

ส่งเสริมกระบวนการใช้ซ้ำ

ผ้ากันเปื้อนและกระเป๋า ที่ผลิตจากขวดพลาสติกสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนำไปสู่ความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจไทย

บริษัทฯ ในฐานะที่เป็นองค์กรธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าและบริการที่หลากหลายไปยังผู้บริโภคโดยตรงได้ตระหนักถึงความท้าทายดังกล่าว และมองเห็นว่าระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับพนักงานในองค์กรและผู้บริโภค ในการใช้ทรัพยากรหรือสินค้าให้เกิดคุณค่าและประสิทธิภาพสูงสุด การหมุนเวียนนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ไม่รู้จบจะนำมาสู่การแก้ไขวิกฤตปัญหาขยะพลาสติก และขยะมูลฝอย เพื่อขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง 236 ใบ
จำหน่ายถุงผ้าเพื่อการใช้ซ้ำ จำนวน 12 ล้านใบ
ใช้อุปกรณ์รับประทานอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จำนวน 17 ล้านชิ้น