การบริหารจัดการความเสี่ยงและการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือวิกฤต

การบริหารจัดการความเสี่ยงและการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือวิกฤต เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับ เซ็นทรัล รีเทล เนื่องจากกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายและการดำเนินงานทั่วโลก เพื่อตอบสนองต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก เซ็นทรัล รีเทล ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงอย่างครอบคลุม รวมถึงการติดตาม การบรรเทา และการตอบสนองต่อความเสี่ยง เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะยกระดับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการบริหารความเสี่ยงให้กับทุกหน่วยธุรกิจ และสร้างวัฒนธรรมความเสี่ยงเชิงรุกที่แข็งแกร่งสำหรับพนักงานทุกระดับ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและค้นหาโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตของธุรกิจ

เป้าหมาย

ประยุกต์กระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กร พร้อมทั้งขับเคลื่อนการบริหารความเสี่ยงไปสู่ระดับ Maturity โดยพนักงานสามารถนำการบริหารความเสี่ยงมาใช้ในการปฏิบัติงานประจำวันพร้อมการสื่อสารและความร่วมมือเพื่อบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรภายในปี 2567

ส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมการตระหนักถึงความเสี่ยง จัดทำคู่มือการบริหารความเสี่ยง และพัฒนาฐานข้อมูลการบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้ยังจะมีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างหน่วยงาน การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลกิจการ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการตรวจสอบภายในปี 2567

ในระยะยาว ตั้งเป้ายกระดับการบริหารความเสี่ยงองค์กร ให้อยู่ในระดับ Maturity สูงสุด โดยที่พนักงานสามารถสอดแทรก การบริหารความเสี่ยงเข้ากับการดำเนินงานรายวันและการตัดสินใจ

ผลกระทบต่อธุรกิจ ผู้มีส่วนได้เสียและสิทธิมนุษยชน

ด้วยกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ มีมาตรการป้องกันที่ครบถ้วน และวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่น เซ็นทรัล รีเทล สามารถลดผลกระทบ ที่อาจส่งผลให้มีการหยุดชะงักในการดำเนินงาน ประเด็นด้านกฎหมาย หรือความเสียหายต่อชื่อเสียง โดยอีกมุมหนึ่งคือ สามารถสร้างสภาพแวดล้อมและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น และต้นทุนจากการดำเนินงานที่ลดลง โดยการเติบโตอย่างยั่งยืนของ เซ็นทรัล รีเทล สามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยและมีความกังวลน้อยลง คู่ค้าจะมีความมั่นใจต่อ เซ็นทรัล รีเทล ทั้งการชำระเงินที่เชื่อถือได้และความสัมพันธ์ที่มั่นคง ลูกค้าได้รับประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพและความพร้อมของสินค้าที่สม่ำเสมอ ที่ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความมั่นใจ ชุมชนท้องถิ่นที่ร่วมงานกับ เซ็นทรัล รีเทล จะได้รับประโยชน์จากการมีแหล่งรายได้และความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยส่งเสริมให้ภาครัฐมีรายได้จากภาษีที่มั่นคง และนักลงทุนได้รับประโยชน์จากผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากเซ็นทรัล รีเทล ในทางกลับกัน ผลกระทบจากการบริหารจัดการความเสี่ยงและการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือวิกฤต ที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้การดำเนินธุรกิจของ Central Retail หยุดชะงัก จนส่งผลให้รายได้ลดลง สินค้าคงคลังเสียหาย และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น

แนวทางบริหารจัดการ

การกำกับดูแลความเสี่ยง

เซ็นทรัล รีเทล เน้นย้ำระบบบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ในระดับคณะกรรมการ คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง ซึ่งประกอบด้วยกรรมการและผู้บริหาร ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง จะรายงานผลต่อคณะกรรมการบริษัทภายหลังการประชุมนโยบายความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมี คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (RMC) ที่ดำเนินการติดตาม ทบทวน และรายงานความเสี่ยงต่อคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง ปีละสองครั้ง ทั้งนี้ยังได้จัดตั้ง คณะทำงานบริหารความเสี่ยง เพื่อขับเคลื่อนการบริหารความเสี่ยงให้แก่กลุ่มธุรกิจ โดยกำกับดูแลภายใต้ CRO และหัวหน้าฝ่ายบริหารความเสี่ยง และรายงานประเด็นต่างๆ ต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ กรรมการบริษัทกว่า 13 ท่าน มีประสบการณ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและความต่อเนื่องทางธุรกิจ เซ็นทรัล รีเทล ยังเสริมให้มีการฝึกอบรมเฉพาะด้าน ที่มีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติและทิศทางของโลก ส่งเสริมการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง

87% (13 จาก 15) ของคณะกรรมการบริษัท มีประสบการณ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและความต่อเนื่องทางธุรกิจ

นโยบายบริหารความเสี่ยง

เซ็นทรัล รีเทล ได้บูรณาการนโยบายบริหารความเสี่ยง ที่มีความครอบคลุมเพื่อให้มั่นใจว่าระบบการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิผลสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง โดยนโยบายนี้ได้ออกแบบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรและลดความเสี่ยงขององค์กรให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยนโยบายบริหารความเสี่ยงครอบคลุมหัวข้อต่อไปนี้:

  • พนักงานทุกระดับต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลต่อ เซ็นทรัล รีเทล จัดการความเสี่ยงภายใต้การควบคุมภายในที่เป็นระบบ และควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • สร้างกระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กรที่สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ตลอดจนผสมผสานการบริหารความเสี่ยงเข้ากับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
  • กำหนดมาตรการป้องกันและบรรเทาเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายหรือการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น และติดตามและประเมินผลการจัดการความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในกระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กร เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรการบริหารความเสี่ยง และสร้างระบบการรายงานที่มีประสิทธิภาพ

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการบริหารความเสี่ยง:

นโยบายการบริหารความเสี่ยง

เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ เซ็นทรัล รีเทล ได้กำหนดความเสี่ยงโดยคำนึงถึงผลตอบแทนที่แลกกับความเสี่ยง โดยความเสี่ยงที่ยอมรับได้นี้ได้รับการทบทวนเป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินความถูกต้องและความเกี่ยวข้อง รวมทั้งได้มีการสื่อสารให้แก่พนักงานทุกคนเพื่อเพิ่มความตระหนักและสร้างความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยมีตัวอย่างของความเสี่ยง ได้แก่:

  • ความเสี่ยงด้านการปฎิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ: บริษัทฯ จะไม่ยอมรับความเสี่ยงทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นรวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดข้อบังคับตามที่ระบุในนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี
  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย: บริษัทฯ จะไม่ยอมรับความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตทุกประเภท ทั้งกับตัวพนักงาน ผู้รับเหมา หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนภายในพื้นที่ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทฯ

กระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กร (ERM)

เซ็นทรัล รีเทล บริหารความเสี่ยงตามมาตรฐาน COSO ERM 2017 ที่ใช้แนวทางบูรณาการกระบวนการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร โดยครอบคลุมแนวคิด ดังนี้

การกํากับดูแล และวัฒนธรรม
  • จัดทําโครงสร้างและกําหนดหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการจัดการความเสี่ยง
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ตระหนักถึงความเสี่ยง
กลยุทธ์ และ การกําหนดวัตถุประสงค์
  • วางแผนกลยุทธ์ที่บูรณาการด้านความเสี่ยง
  • พัฒนากลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้
ผลการปฏิบัติงาน
  • กําหนดและประเมินระดับความเสี่ยง
  • จัดลําดับความสําคัญของผลกระทบและโอกาส
การสอบทาน และการแก้ไขปรับปรุง
  • ตรวจสอบผลการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
  • ทบทวนการบริหารความเสี่ยงเพื่อแก้ไขและปรับปรุง
สารสนเทศ การสื่อสาร และการรายงาน
  • ประยุกต์ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารความเสี่ยง
  • จัดทําการสื่อสาร และรายงานเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างเหมาะสม

เซ็นทรัล รีเทล ได้ระบุและประเมินความเสี่ยง รวมถึงความเสี่ยงด้าน ESG ที่เป็นความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจที่กระทบความสามารถในการบรรลุกลยุทธ์ขององค์กร และวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ จึงได้จัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงตั้งแต่ระดับ ต่ำ ปานกลาง และสูง โดยกำหนดเกณฑ์ในด้านผลกระทบ (Impact) และความน่าจะเป็น (Likelihood) โดยในปี 2566 ได้กำหนดไว้ดังนี้

ตารางประเมินระดับความเสี่ยง

ระดับความเสี่ยง เกณฑ์การประเมินผลกระทบ เกณฑ์การประเมินโอกาสเกิด

ระดับความเสี่ยงสูง (ไม่สามารถยอมรับได้)

จําเป็นที่จะต้องบริหารจัดการทันทีและติดตาม รวมถึงรายงานผลการดําเนินการแก่ผู้บริหาร ระดับสูง

ผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่บริษัทฯกําาหนดอยู่ใน เกณฑ์สูง

โอกาสเกิดขึ้นสูง

ระดับความเสี่ยงปานกลาง (สามารถยอมรับได้)

เจ้าของความเสี่ยงจําเป็นที่จะต้องควบคุมและ ติดตามอย่างสม่ำเสมอ หรือสรรหามาตรการ ควบคุมความเสี่ยงเพิ่มเติมเพื่อลดระดับโอกาส หรือระดับผลกระทบลง

ผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่บริษัทฯกําหนดอยู่ใน เกณฑ์ปานกลาง

โอกาสเกิดขึ้นปานกลาง

Low Risk (Acceptable)

ความเสี่ยงถูกควบคุมด้วยมาตรการควบคุมที่มีอยู่ อย่างเพียงพอ เจ้าของความเสี่ยงจําเป็นที่จะต้อง ติดตามประสิทธิผลของการควบคุมและตัวชี้วัด ความเสี่ยง (Key Risk Indicator: KRI) เป็นประจํา

ผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่บริษัทฯกําหนดอยู่ใน เกณฑ์ต่ำ

โอกาสเกิดขึ้นต่ำ
ประเภทความเสี่ยง เลขที่ รายการความเสี่ยง ระดับความเสี่ยง ปี 2566
ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (S) S1 ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาค
S2 ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน
S3 ความเสี่ยงด้านการดำเนินธุรกิจใหม่
S4 ความเสี่ยงด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์
S5 ความเสี่ยงด้านทักษะใหม่และการเพิ่มทักษะสำหรับธุรกิจใหม่
ความเสี่ยงด้านการปฎิบัติงาน (O) O1 ความเสี่ยงด้านการกระจายสินค้าและการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง
O2 ความเสี่ยงด้านการบริหารคุณภาพสินค้าและมาตรฐานการบริการ
O3 ความเสี่ยงด้านความต่อเนื่องทางธุรกิจและการบริหารสภาวะวิกฤติ
ความเสี่ยงด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) IT1 ความเสี่ยงด้านการรั่วไหลและความปลอดภัยของข้อมูล
IT2 ความเสี่ยงด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์
IT3 ความเสี่ยงด้านการล้มเหลวของโครงสร้างหรือการหยุดชะงักทางดิจิทัล
ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม (E) E1 ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ
E2 ความเสี่ยงด้านโรคติดเชื้ออุบัติใหม่
E3 ความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
ความเสี่ยงด้านการงาน (F) F1 ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
F2 ความเสี่ยงด้านการบริหารสภาพคล่อง
F3 ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ความเสี่ยงด้านการปฎิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ (C) C1 ความเสี่ยงด้านการปฎิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ อาทิ PDPA
C2 ความเสี่ยงด้านการทุจริตและคอร์รัปชัน

วัฒนธรรมความเสี่ยง

เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมวัฒนธรรมการตระหนักถึงความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร โดยเริ่มต้นด้วยการฝึกอบรมการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมสำหรับพนักงานทุกระดับ ครอบคลุมหลักการสำคัญและการประชุมเพื่อเน้นปฏิบัติในหัวข้อที่หลากหลาย อาทิ ความปลอดภัยในสถานที่ทำงานและการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล เซ็นทรัล รีเทล ยังได้กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานสำหรับการบริหารความเสี่ยงในระดับพนักงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมการทบทวนความก้าวหน้าทุกเดือนและการประเมินประจำปี เพื่อให้มั่นใจถึงความรับผิดชอบของพนักงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดให้มีสิ่งจูงใจพิเศษเป็นการยกย่องในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ให้กับผู้ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ได้สนับสนุนการระบุความเสี่ยงเชิงรุกผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ รับฟังข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่องเพื่อการปรับปรุง รวมถึงบูรณาการการประเมินความเสี่ยงเข้าไปอยู่ในการออกแบบนวัตกรรม การพัฒนาธุรกิจใหม่ และกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

ความเสี่ยงอุบัติใหม่

เซ็นทรัล รีเทล ระบุและประเมินความเสี่ยงอุบัติใหม่อย่างต่อเนื่อง ที่มีผลกระทบในระดับต่ำและอาจขึ้นในระยะสั้น ที่อาจพัฒนาจนกลายเป็นความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญในระยะยาว เซ็นทรัล รีเทล ได้ระบุเรื่องวิกฤตค่าครองชีพและการก่อการร้ายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่เกิดขึ้นใหม่ตามบริบทของ เซ็นทรัล รีเทล ซึ่งสอดคล้องกับรายงานความเสี่ยงทั่วโลกของ World Economic Forum Global Risks Report 2023 ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เซ็นทรัล รีเทล จึงได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ความยืดหยุ่น

ความเสี่ยงที่เกิดจากวิกฤตค่าครองชีพ

ประเภท ด้านสังคม
คำอธิบาย

วิกฤตค่าครองชีพถือเป็นความเสี่ยงทางสังคมที่ติด 10 อันดับแรกในการจัดอันดับความเสี่ยงทั่วโลก และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรง ส่งผลให้ประชาชนมีความระมัดระวังการอุปโภคบริโภคมากขึ้น โดยเน้นเฉพาะกลุ่มสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันเท่านั้น อีกทั้งการเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาพลังงานและราคาสินค้าจนนำไปสู่การกระตุ้นให้มีการปรับอัตราดอกเบี้ย เสี่ยงต่อปัญหาหนี้สิน และการวางแผนการคลังของประเทศ

อ้างอิง:

https://www3.weforum.org/docs/WEF_Global_Risks_Report_2023.pdf

ผลกระทบ

การเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้าและบริการ ไม่เพียงแต่ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของ เซ็นทรัล รีเทล เพิ่มขึ้น แต่ยังเพิ่มค่าครองชีพอีกด้วย ซึ่งไม่สัมพันธ์กับรายได้ครัวเรือนและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา ที่อาจส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ในขณะเดียวกันธุรกิจค้าปลีกก็มีการแข่งขันที่สูงขึ้นจากตลาดค้าปลีกและออนไลน์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและรายได้ของ เซ็นทรัล รีเทล

ในระยะสั้น นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ อาจส่งผลกระทบเชิงบวกให้กับธุรกิจค้าปลีกได้ แต่รายละเอียดเงื่อนไขบางอย่างอาจเป็นอุปสรรคต่อสิทธิประโยชน์ต่อธุรกิจ

ช่วงระยะเวลา 2557 - 2559
มาตรการตอบสนองต่อความเสี่ยง
  • การขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตามยุทธศาสตร์ CRC Retailligence และสร้างรากฐานในการบริหารสถานะทางการเงินโดยยึดหลัก 3C (Cost, CAPEX และ Cash Flow)
  • การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของผู้บริโภค การพัฒนา Central Retail Ecosystem และการพัฒนา Next-Gen Omnichannel Platform เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งเฉพาะบุคคล (Ultra Personalization) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการเชื่อมต่อการช้อปปิ้งให้ต่อเนื่อง ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
  • การบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารจัดการสินค้า ค่าใช้จ่ายด้านการส่งเสริมการขายให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และการใช้นวัตกรรมเพื่อประหยัดพลังงานภายในบริษัทฯ
  • การเพิ่มอัตราการทำกำไรในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เช่น การสั่งซื้อสินค้าร่วมกันเพื่อให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม
  • การปรับโครงสร้างต้นทุนทางการเงินให้เหมาะสมกับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  • การสร้างแรงดึงดูดให้กับลูกค้า และการสร้างยอดขายให้เติบโตด้วยการเปิดสาขาใหม่ ปรับปรุงสาขาเดิม โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าให้ทันสมัยครอบคลุมการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี

ความเสี่ยงที่เกิดจากการก่อการร้าย

ประเภท Geopolitical
คำอธิบาย

จากการสำรวจ Global Terrorism Index (GTI) ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นผลการสำรวจการก่อการร้ายใน 163 ประเทศที่จัดทำโดยสถาบันเศรษฐกิจและสันติภาพ (IEP) พบว่า GTI ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 26 ของโลก เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ถึง 4 อันดับ บ่งชี้ว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายมากขึ้น

อ้างอิง:

https://www.visionofhumanity.org/maps/global-terrorism-index/#/

ผลกระทบ

จากดัช GTI แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีแนวโน้มความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายที่สูงขึ้น ที่ปรากฏในหลายรูปแบบ อย่างเช่น ความเครียดและพฤติกรรมรุนแรงในที่สาธารณะที่บ่อยมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์กราดยิงเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าในใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อเดือนตุลาคม 2566

เหตุการณ์ก่อการร้ายดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และอาจส่งผลเสียต่อห้างสรรพสินค้าและชื่อเสียง หากไม่สามารถปฎิบัติมาตรการตอบสนองได้ทันและรวดเร็ว อีกทั้งส่งผลต่อความมั่นใจและประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า เพราะรู้สึกหวาดกลัวและไม่มั่นคง

นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในทำเลใจกลางเมืองซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เหตุการณ์การก่อการร้าย อาจทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ลดลงและส่งผลให้ยอดขายและรายได้ของ เซ็นทรัล รีเทล

ช่วงระยะเวลา 2557 - 2559
มาตรการตอบสนองต่อความเสี่ยง
  • การดำเนินงานที่บริษัทฯ กำหนดไว้เป็นแนวปฎิบัติพื้นฐาน: ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้บริษัทฯ เตรียมความพร้อมและจัดทำแผนรองรับเหตุการณ์กราดยิงโดยให้หน่วยธุรกิจที่มีพื้นที่ที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนและร่วมซ้อมแผนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น หน่วยธุรกิจ CDS ได้จัดซ้อมแผนครบ 100% ในช่วงเดือน 2566 และสำหรับหน่วยธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเจ้าของพื้นที่ (เซ็นทรัลพัฒนา) จะมีการดำเนินงานตามแผนของเจ้าของพื้นที่ ตลอดจนการซื้อกรมธรรม์ประกันภัยครอบคลุมความเสียหายในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • การดำเนินงานที่ตอบสนองทันทีในช่วงที่เกิดเหตุการณ์: บริษัทฯ ได้ออกประกาศ ‘วิธีการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์กราดยิง’ ให้แก่พนักงาน และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เซ็นทรัลเวิลด์ และ เซ็นทรัลพัฒนา ได้ออกประกาศเพิ่มเติม เกี่ยวกับการยกระดับการรักษาความปลอดภัยภายในศูนย์การค้า ประกอบด้วย การติดตั้งจุดตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระลูกค้าบริเวณประตูทางเข้า การตรวจตราความปลอดภัยผ่านระบบกล้องวรจรปิดของศูนย์การค้า การจัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราภายในศูนย์การค้าเพื่อช่วยเหลือลูกค้าและพนักงานร้านค้าหากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ และความพร้อมของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ผ่านการฝึกอบรมในการระงับเหตุร้ายทุกรูปแบบ

โครงการที่โดดเด่น

ฝึกอบรมหลักสูตร GRC (การกำกับดูแล ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามข้อกำหนด) ให้แก่คณะกรรมการบริษัทฯ

ในปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล ได้จัดอบรมให้กับคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้เข้าใจถึงหลักการและการประยุกต์ของ GRC โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก ในการจัดฝึกอบรม แบ่งปันความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจภาพรวมของ GRC และบริบทในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกอบรมการบริหารความเสี่ยง

เซ็นทรัล รีเทล ได้ริเริ่มโครงการฝึกอบรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้พนักงานในระดับต่างๆ มีความรู้และทักษะที่จำเป็น เพื่อระบุ ประเมิน และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการจัดเวิร์กช็อปโดยผู้เชี่ยวชาญในการบริหารความเสี่ยงองค์กรและ GRC สำหรับทีมที่รับผิดชอบด้านความเสี่ยง เพื่อให้ทีมได้รับความรู้เครื่องมือและกลยุทธ์ที่สามารถใช้งานได้จริง รวมทั้งพนักงานระดับผู้จัดการ ได้รับการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นเทคนิคของกรอบงาน และเครื่องมือหลักของ GRC เพื่อให้พนักงานสามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลประกอบ นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทล ยังได้เปิดตัว GRC E-Rulebook ที่ให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบการทำงาน GRC แนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และวัฒนธรรมความเสี่ยงเชิงรุก ทั่วทั้งองค์กร

คู่มือการบริหารความเสี่ยง

เซ็นทรัล รีเทล ได้เปิดตัวคู่มือการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้พนักงานมีความรู้และทักษะในการระบุ ประเมิน และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในบทบาทหน้าที่ของพนักงาน คู่มือการบริหารความเสี่ยงสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกผ่านระบบอินทราเน็ต และสื่อสารไปยังหน่วยงานที่ขับเคลื่อนการบริหารความเสี่ยง รวมถึง คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ผู้ดูแลการบริหารความเสี่ยงประจำหน่วยงาน/หน่วยธุรกิจ และเจ้าของความเสี่ยง